OSI
วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553
OSI Model
OSI Model เป็น medel มาตรฐานในการสื่อสารซึ่งมีวัตถุประสงค์ ใช้สำหรับการสื่อสารระหว่างระบบ 2 ระบบ ระบบจะเปิดการติดต่อสื่อสารในเค้าโครงสำหรับออกแบบ
ระบบเครื่อข่าย จะอนุญาตให้สื่อสารข้ามทุกรูปแบบของระบบคอมพิวเตอร์แยกเป็น 7 ชั้นแต่เกี่ยวเนื่องกันและเป็นรูปแบบมาตรฐาน ISO
OSI Model ประกอบด้วย 7 Layer
Physical Layer
Data link Layer
Network Layer
Transport Layer
Sesion Layer
Presentation Layer
Application Layer
OSI layers
The OSI Environment
ทั้ง 7 สามารถแบ่งออกได้ 3 กลุ่มย่อย
กลุ่มที่ 1 Network support layer ได้แก่ Layer 1, 2, 3
กลุ่มที่ 2 Link ระหว่าง Network support layer กับ user support layer ได้แก่ layer 4
กลุ่มที่ 3 User support layer ได้แก่ layer 5, 6, 7
Functions of The Layers
Physical Layer
Physical ติดต่อระหว่างผู้รับ
การส่งต่อข้อมูล
สื่อกลาง & สัญญาณ
เครื่องมือการติดต่อ
Data link layer
ควบคุมการส่งข้อมูลบน Physical link
ดูที่อยู่บนเครือข่าย Physical
Framing
ควบคุมให้เท่ากัน
ควบคุมการผิดพลาด (Error)
Synchronization ให้ผู้ส่งกับผู้รับใช้เวลาเดียวกันในส่งข้อมูล
ควบคุมการใช้สายสื่อสาร
Data Link Layer
ตัวอย่าง Data Link Layer
Network layer
รับผิดชอบในการหาเส้นทางให้ส่งข้อมูลจากต้นทางไปปลายทาง
Switching & Routing
หาที่อยู่อย่างมีเหตุผล
ไม่ต้องใช้ Technology ชั้นสูง
ไม่ต้องใช้สายโดยตรง
Network Layer Example
Transport layer
ควบคุมการส่งข้อมูลจาก ต้นทางไปยังปลายทางข้อมูลใน Layer นี้เรียกว่า " package "
เหมือนกัน ใช้ port address
Segmentation & Reassembly
ส่งไปเป็นลำดับ Segment Number
ควบคุมการติดต่อ
Flow Control
Eroor Control
คุณภาพการบริการ (QoS)
Transport Layer
ตัวอย่าง Transport Layer
Session layer
ทำงานเกี่ยวกับการควบคุม dialog เช่น การเชื่อมต่อ บำรุงรักษา และ ปรับการรับ และส่งข้อมูลให้มีค่าตรงกัน
ทำหน้าที่เกี่ยวกับการกำหนด Synchronizationเปิดและปิดการสนทนา ควบคุมดูแลระหว่างการสนทนา
Grouping คือ ข้อมูลประเภทเดียวกันจะจับกลุ่มไว้ใน Group เดียวกัน
Recovery คือ การกู้กลับข้อมูล
Presentation layer
เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างและการเปลี่ยนแปลงข้อมูลระหว่าง 2 ระบบ
Data Fromats และ Encoding
การบีบอัดข้อมูล (Data Compression)
Encryption - การเข้ารหัส Compression - การบีบ และอัดข้อมูล
Security - ควบคุมการ log in ด้วย Code, password
Presentation Layer
Application layer
เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเข้าไปช่วยในการบริการ เช่น e-mail , ควบคุมการส่งข้อมูล , การแบ่งข้อมูล
เป็นต้นยอมให้ user, software ใช้ข้อมูลส่วนนี้เตรียม user interface และ Support service ต่าง ๆ
เช่น E-mail
ทำ Network virtual Terminal ยอมให้ User ใช้งานระยะไกลได้
File transfer , access และ Management (FTAM)
Mail services
Directory service คือการให้บริการด้าน Data Base
Application Layer
Summary of Layer Functions
OSI Network Architecture
OSI Network Architecture
ตัวอย่างของ Protocols
Physical
WAN: T1,E1
LAN: 10/100 Base X
Interface: RS-232, X.21
Datalink
WAN: HDLC , PPP
LAN: Ethernet , Token Ring
Network
IPX, IP , X.25
Transport
TCP, UDP ,SPX NetBUEI
Session
NetBIOS
Presentation
X.216 / 266
Application
HTTP , FTP, SNMP
เขียนโดย
Kanyakorn
ที่
23:03
0
ความคิดเห็น
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปที่ Twitterแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
ป้ายกำกับ:
OSI
Wireless Lan
วันอาทิตย์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2553
Wireless LAN คือ หนึ่งในเทคโนโลยีการสื่อสารแบบไร้สายที่ใช้คลื่นแม่เหล็กในอากาศ เช่น คลื่นวิทยุ (Radio Frequency) หรือคลื่นอินฟราเรด (Infrared)
สํา หรับการสื่อสารข้อมูลต่างๆ จากจุดหนึ่ง ไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยไม่ต้องพึ่งพาสายนํา สัญญาณ (สายเคเบิล) ให้ลําบากหรือยุ่งยากต่อการใช้งาน สําหรับเทคโนโลยี Wireless LAN จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์ ที่เรียกว่า แอคเซส พอยต์ (access point) ซึ่งเป็นอุปกรณ์สําหรับรับและส่งสัญญาณ และเชื่อมต่อเข้ากับโครงสร้าง พื้นฐานของเครือข่ายในองค์กรที่มีอยู่แล้ว
โดยปกติ แอคเซส พอยต์หนึ่งตัวจะสามารถรองรับการทํางานของ โน๊ตบุค หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่มีการ์ดไร้สายเสียบอยู่ ด้วยประโยชน์ที่เหนือกว่าระบบแลนที่ใช้สายในปัจจุบัน ตั้งแต่ความสะดวก สบายในการใช้งานของผู้ใช้งาน จนถึงเรื่องของค่าใช้จ่ายในกรณีที่ต้องการเพิ่ม ลด หรือย้ายตําแหน่งของจุดใช้บริการ เครือข่ายในภายหลัง และการบํารุงรักษาเครือข่ายที่ทําได้ง่ายกว่าและมีต้นทุนที่น้อยกว่า จึงสามารถสร้างประโยชน์ และช่วยลดต้นทุนการดําเนินการขององค์กรเกี่ยวกับสายเคเบิลได้มาก
สํา หรับการสื่อสารข้อมูลต่างๆ จากจุดหนึ่ง ไปยังอีกจุดหนึ่ง โดยไม่ต้องพึ่งพาสายนํา สัญญาณ (สายเคเบิล) ให้ลําบากหรือยุ่งยากต่อการใช้งาน สําหรับเทคโนโลยี Wireless LAN จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์ ที่เรียกว่า แอคเซส พอยต์ (access point) ซึ่งเป็นอุปกรณ์สําหรับรับและส่งสัญญาณ และเชื่อมต่อเข้ากับโครงสร้าง พื้นฐานของเครือข่ายในองค์กรที่มีอยู่แล้ว
โดยปกติ แอคเซส พอยต์หนึ่งตัวจะสามารถรองรับการทํางานของ โน๊ตบุค หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่มีการ์ดไร้สายเสียบอยู่ ด้วยประโยชน์ที่เหนือกว่าระบบแลนที่ใช้สายในปัจจุบัน ตั้งแต่ความสะดวก สบายในการใช้งานของผู้ใช้งาน จนถึงเรื่องของค่าใช้จ่ายในกรณีที่ต้องการเพิ่ม ลด หรือย้ายตําแหน่งของจุดใช้บริการ เครือข่ายในภายหลัง และการบํารุงรักษาเครือข่ายที่ทําได้ง่ายกว่าและมีต้นทุนที่น้อยกว่า จึงสามารถสร้างประโยชน์ และช่วยลดต้นทุนการดําเนินการขององค์กรเกี่ยวกับสายเคเบิลได้มาก
เขียนโดย
Kanyakorn
ที่
23:26
0
ความคิดเห็น
ส่งอีเมลข้อมูลนี้BlogThis!แชร์ไปที่ Twitterแชร์ไปที่ Facebookแชร์ใน Pinterest
ป้ายกำกับ:
Wireless Lan
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)